วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

เรียนรู้อะไรจากคำสั่ง if-then

จากแบบฝึกหัด และสิ่งที่ได้เรียนรู้
ข้อ 1. ทราบสิ่งที่ต้องการว่ามีกี่ความต้องการ
ข้อ 2. เขียน if น้อยกว่าความต้องการไป 1 เสมอ
ข้อ 3. เครื่องหมายในการเปรียบเทียบได้แก่
> ,>= ,< ,<= ,=
ใน if ที่เขียน จะไม่มีเครื่องหมายสวนทางกัน เช่น
if(A>B, "มากกว่า", if (A < B, "น้อยกว่า", ......
if นี้ใช้เครื่องหมาย สวนทางกัน ขึ้นต้นด้วย มากกว่า (>) แต่มี น้อยกว่า (<) ตามมา
เครื่องหมายสวนทางกัน  ก็ผิด

จากนั่น ค่อย ๆ แปลโจทย์ออกมาทีละปล้อง ๆ ให้กลายเป็นคำสั่ง if ที่ต้องการ

จากหลักง่าย ๆ นี้ หากจะต้องเขียน if ง่าย สัก 1 if หรือเป็น if ที่ซับซ้อน 10 if 100 if
ก็ไม่มีปัญหา ไม่ยากเลย ... ใช่ไหม

มีหลัก ที่ง่าย    เข้าใจหลัก นั่น  ฝึกปฏิบัติตาม  เท่านี้เอง คำสั่ง if

ความยากที่แท้จริงอยู่ตรงไหน
1. เมื่อทราบว่าต้องใช้คำสั่ง if  ก็รู้สึก "ยาก" เสียแล้ว เพียงเท่านี้ อารมณ์ ความรู้สึก ก็ครอบงำ
2. เมื่อคำว่า "ยาก" แต่เมื่อทำ if ง่าย ๆ ก็ทำได้ แต่พอเจอ if หลาย ๆ ชั้น ความรู้สึก "ยาก" ก็ทำงาน
คือ ไม่เอาแล้ว ได้แค่นี้ก็พอแล้ว ยาก อย่างนี้ฉันทำไม่ได้

สมมุติ
เกรดนักศึกษาพายัพมีด้วยกัน 8 เกรด (ไม่นับรวม i, ip และอื่นๆ ) ได้แก่
A, B+, B, C+, C, D+, D และ F
เกณฑ์การให้เกรดคือ 80 75 70 65 60 55 50
เขียน if-then
.................................................
ขณะเขียนคำสั่ง ใจต้อง "นิ่ง" ปราศจาก "ความคิดลบ" ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับโจทย์
หาความต้องการให้เจอ ว่ามีกี่ความต้องการ
หาเงื่อนไขแรกให้เจอ
เพียงเท่านี้ ก็ง่าย ...

ครูยังคง คำท้า ตอนเปิดหลัง midterm ที่ว่า ใครสามารถเขียน if-then ให้เกรด 8 เกรด นี้ได้ (หน้าชั้น ในชั่วโมงบรรยาย) ก็รับคะแนนยกป้ายไปเลย 5 คะแนน



แท้จริง if-then คือคำสั่งพิสูจน์ความเป็น "เด็กบัญชี" ที่ต้อง
นิ่ง มีสมาธิ
ใจเป็นกลาง
ค้นหาข้อเท็จจริง
ทนแรงกดดัน
และ
ฝึกฝน

4 ความคิดเห็น:

  1. สิ่งที่หนูได้จากคำสั่ง if-then ก็คือ เวลาที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเราจะต้องมีสมาธิกับมันให้มาก ๆ ไม่งั้นอาจจะเกิดข้อผดพลาดได้ และที่สำคัญมากเลย คือ การหมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ เพราะการฝึกฝนจะทำให้เรามีความชำนาญมากขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  2. if-then เป็นโปรแกรมที่ต้องใช้ทักษะและฝึกฝนเพื่อที่จะได้ใช้คำสั่งได้ถูกต้อง ถ้าเกิดเราใส่ค่าผิดแค่ตัวเดียวคำตอบที่ออกมาก็จะทำให้ผิดพลาดได้ทั้งหมด หนูเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะเพราะ และเวลาที่เรียนกับอาจารย์และต้องสอบทำให้หนูต้องขยัน ดูคลิปและฝึกฝนฝีมืออยู่ตลอดเวลา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. if-then เป็นคำสั่งนะ บ่อแม่นโปรแกรม
      อย่าพูดลบกับตัวเอง (หนูเป็นคน..ชอบสะเพราะ ไม่พูดแบบนี้กับตัวเอง) เปลี่ยนเป็นพูดบวกแทน เช่น คำสั่ง if-then ทำให้หนูต้องระมัดระวังในการเขียนคำสั่ง ไม่รีบแปลเงื่อนไข ทำให้เป็นคนใจเย็น มีสติขึ้นเยอะคะ

      ลบ